ความพยายามในการปลูกมะนาวออกนอกฤดูถือเป็นความท้าทายความรู้ความสามารถทางภาคการเกษตรแขนงหนึ่งที่จะออกมาสู้กับปัญหามะนาวแพงนักศึกษาปวช.ปี2วิทยาลัยการอาชีพนางรองอ.นางรองจ.บุรีรัมย์ได้มองเห็นช่องทางสร้างอาชีพโดยใช้วิธีขยายพันธุ์มะนาวด้วยวิธีเสียบกิ่งบนต้นส้มโอ
นายวิทยาบุตรศรีตัวแทนนักศึกษาปวช.ของวิทยาลัยการอาชีพนางรองเล่าว่ามะนาวเป็นผลิตผลทางการเกษตรที่บริโภคกันทั้งประเทศบางช่วงราคาจะแพงมากและปัญหาหนึ่งที่เกษตรกรประสบก็คือต้นตอมะนาวไม่แข็งแรงทางกลุ่มจึงคิดหาวิธีขยายพันธุ์เพื่อให้ได้ต้นตอมะนาวที่แข็งแรงและทนต่อโรคซึ่งพบว่าวิธีเสียบกิ่งมะนาวกับต้นส้มโอจะช่วยเสริมรากให้ต้นมะนาวแข็งแรงมีความทนทานต่อโรคและมีผลขนาดใหญ่จึงชักชวนเพื่อนในกลุ่ม7คนไปเรียนรู้วิธีเสียบกิ่งมะนาวที่ศูนย์มีชัยบ้านหนองตาเข้มอ.เฉลิมพระเกรียติกลับมาลองผิดลองถูกจนสามารถขยายพันธุ์มะนาวได้สำเร็จจากนั้นมาร่วมกันได้ก่อตั้งบริษัทครบวงจร2014จำกัดขึ้นรวมหุ้นคนละ1,000บาททำธุรกิจเพาะพันธุ์ต้นมะนาวบนต้นส้มโอขายอย่างจริงจัง
“วิธีเสียบกิ่งมะนาวบนส้มโอนั้นขั้นตอนแรกต้องเริ่มเพาะต้นส้มโอจากเมล็ดก่อนจนต้นส้มโอโตมีอายุ1เดือนขึ้นไปสามารถนำมาใช้เสียบกิ่งมะนาวได้โดยเลือกใช้กิ่งพันธุ์มะนาวพันธุ์แป้นพิจิตรส่วนส้มโอใช้พันธุ์โชกุนหรือพันธุ์อิสราเอลกิ่งพันธุ์มะนาวที่ใช้ไม่อ่อนหรือแก่เกินไปขั้นตอนสำคัญคือการเสียบกิ่งต้องตัดปาดกิ่งมะนาวแบบทะแยงมุมแล้วเสียบลงบนต้นส้มโอใช้สก๊อตเทปพันเพื่อกันเชื้อราจากนั้นใช้ถุงพลาสติกใสคลุมทิ้งไว้34วันเพื่อให้ต้นไม้คายน้ำและให้น้ำไหลกลับคืนเข้าต้นส้มโอซึ่งเพื่อนในกลุ่มทำได้เกือบทุกคนเพราะทางบ้านมีอาชีพทำสวนมะนาวอยู่แล้วซึ่งกิ่งมะนาวบนต้นส้มโอตั้งราคาขายไว้ที่150บาททั้งนี้เมื่อต้นพันธุ์เติบใหญ่จนให้ผลผลิตจะเป็นต้นพันธุ์มะนาวไม่ได้เป็นต้นส้มโอแต่อย่างใด”นายวิทยาเล่าเทคนิคการเสียบกิ่งมะนาว
บริษัทครบวงจรยังคิดต่อยอดไปอีกว่าการปลูกพืชต้องใช้ปุ๋ยอินทรีย์จึงไปศึกษาหาความรู้วิธีเลี้ยงไส้เดือนเพื่อเอามูลมาทำปุ๋ยและนำมาขยายเป็นธุรกิจต่อโดยจำหน่ายในราคากก.ละ30บาทนอกจากนี้ ยังได้ผลิตเครื่องคัดมะนาวโดยนำความรู้วิชาช่างเชื่อมของเพื่อนในวิทยาลัยมาต่อยอดผลิตออกมาจำหน่ายราคาเครื่องละ19,000บาทมีความสามารถในการคัดมะนาวได้100ลูกต่อ1นาทีขณะนี้จำหน่ายไปได้แล้ว6เครื่อง
น้องๆจากบริษัทครบวงจร2014จำกัดเริ่มทำมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี2557ล่าสุดได้แบ่งปันผลกำไรให้สมาชิกไปแล้วคนละ6,920บาทหลังหักค่าใช้จ่ายและชำระเงินกู้และยังนำเงินรายได้ไปทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์(38,061บาท)จัดสรรทุนอบรมการขยายพันธุ์พืชให้แก่นักเรียนโรงเรียนโสตศึกษาจ.สุรินทร์และผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำนางรองและจัดซื้อคอมพิวเตอร์มอบให้แก่ศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านทรัพย์ทรายทองอ.ปะคำจ.บุรีรัมย์
ผลจากการประกอบธุรกิจไม่เพียงแต่สร้างรายได้ระหว่างเรียนแต่ยังก่อให้เกิดความรู้ขึ้นในชุมชนจนส่งผลให้บริษัทครบวงจร2014จำกัดได้รับรางวัลชนะเลิศจากการประกวดโครงการกรุงไทยยุววาณิชที่ธนาคารกรุงไทยจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่13ร่วมกับทีมจากโรงเรียนศรีสองรักษ์วิทยาจ.เลยโดยได้รับทุนการศึกษา390,000บาทโล่รางวัลและประกาศนียบัตรพร้อมทั้งศึกษาดูงานต่างประเทศ
ทั้งนี้โครงการกรุงไทยยุววาณิชจัดขึ้นเพื่อจุดประกายและสร้างเยาวชนที่มีคุณธรรมและมีความรับผิดชอบต่อสังคมตามแนวคิดทุนทางปัญญาไม่มีวันหมดโดยเน้นให้เยาวชนในระดับมัธยมศึกษาและระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.)ได้มีเวทีในการฝึกปฏิบัติการดำเนินธุรกิจมีความสนใจและตื่นตัวที่จะใช้ความคิดความรู้ที่มีอยู่ประกอบกับการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมแล้วนำมาปฏิบัติจริงให้เป็นรูปธรรม
นางศิริพรนพวัฒนพงศ์ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ผู้บริหารกลุ่มกลุ่มการตลาดและสื่อสารองค์กรสายงานการตลาดและสื่อสารองค์กรธนาคารกรุงไทยกล่าวว่าเป้าหมายของโครงการกรุงไทยยุววาณิชต้องการสนับสนุนให้เยาวชนได้ประกอบธุรกิจจริงและภายในโครงการทุกโรงเรียนจะต้องแบ่งงบประมาณหรือผลกำไรไปทำกิจกรรมทางสังคมด้วยอีกทั้งยังสามารถต่อยอดได้จริงโดยธนาคารจะช่วยบ่มเพาะหลักการทำธุรกิจให้เยาวชนเด็กๆจะรู้ทุกขั้นตอนของการทำธุรกิจรวมทั้งการทำงานเป็นทีมที่จะต้องมีการแบ่งหน้าที่กันซึ่งเยาวชนสามารถนำความรู้นี้ไปใช้ในอนาคตเมื่อจบการศึกษามาอยากทำธุรกิจก็สามารถทำได้เลย
“สิ่งที่สร้างความประทับใจคือนักเรียนสามารถนำความคิดทันสมัยของพวกเขามาพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทั้งทางด้านเศรษฐกิจสิ่งแวดล้อมและสุขภาพซึ่งสินค้าที่เด็กๆนักเรียนได้ทำสะท้อนให้เห็นถึงความหวงแหนและเห็นคุณค่าภูมิปัญญาของไทยมากขึ้นโดยรู้จักนำภูมิปัญญาในท้องถิ่นมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่ามีราคานอกจากนี้ยังสะท้อนถึงความห่วงใยสิ่งแวดล้อมรอบชุมชนรู้จักเอาของเหลือใช้มาแปรรูปเป็นสินค้าตลอด13ปีที่ธนาคารกรุงไทยได้จัดกิจกรรมนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นชัดแล้วว่าเด็กและเยาวชนเหล่านั้นต่างมีศักยภาพ”นางศิริพรกล่าว