12 เห็ด มีคุณประโยชน์ ช่วยต้านโรคมากมายหลากหลายชนิด

เห็ดเมื่อนำมาทำเป็นอาหารนั้นถือว่าเป็นเมนูที่ใครหลาย ๆ คนชอบทานกันเลยทีเดียว ยิ่งคนทานมังสวิรัติ หรือในช่วงเทศกาลกินเจ เห็ดก็เป็นเมนูหลักๆ ในการนำมาประกอบอาหาร เพราะเมื่อนำมาทำอาหารเป็นเมนูที่ทานง่ายและอร่อย เด็ดก็ทานได้ผู้ใหญ่ก็ทานดี เห็ดนั้นมีมากมายหลากหลายชนิด และมีประโยชน์ที่แตกต่างกันไป วันนี้ kaijeaw.com จะพาไปดูประโยชน์จากการทานเห็ด มีเห็ดชนิดไหนกันบ้างมาดูกันเลยค่ะ

1. เห็ดหอม หรือ เห็ดชิตาเกะ ชาวจีนยกให้เห็ดหอมเป็นอาหารต้นตำรับ “อมตะ” -เป็นยาอายุวัฒนะ เพราะช่วยลดไขมันในเส้นเลือด -เพิ่มภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสและมะเร็งด้วย -มีกรดอะมิโนถึง 21 ชนิด มีวิตามิน บี 1 บี 2 สูง มีวิตามินดีสูง ช่วยบำรุงกระดูกและมีปริมาณโซเดียมต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคไต -ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง -ช่วยลดความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร -ช่วยบำรุงกำลัง บรรเทาอาการไข้หวัด

2.เห็ดกระดุมหรือเห็ดแชมปิญอง รูปร่างกลมมน คล้ายกระดุมที่มีขนาดใหญ่ ผิวเนื้อนวล มีให้เลือกทั้งแบบสดหรือบรรจุกระป๋อง -ช่วยรักษาและป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านมมากที่สุด สารบางอย่างในเห็ดนี้ไปช่วยยับยั้งเอนไซม์อะโรมาเตส (aromatase) ทำให้เกิดการยับยั้งการเปลี่ยนฮอร์โมนเอนโดรเจนเป็น

อร์โมนเอสโตรเจนในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน เมื่อร่างกายผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนได้น้อยลงก็ลดโอกาสการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านมให้น้อยลงตามไปด้วย

3. เห็ดฟาง เป็นเห็ดที่ขึ้นได้ดีในธรรมชาติ จึงนำมาปรุงอาหารกันอย่างแพร่หลาย แต่หลายคนไม่รู้ว่า เห็ดฟาง มีสรรพคุณดี ๆ แบบนี้ด้วย -มีวิตามินซีสูง ทานแล้วช่วยป้องกันโรคเหงือก เลือดออกตามไรฟัน -มีสาร volvatioxin ช่วยป้องกันการเติบโตของไวรัสที่ทำให้ป่วยไข้หวัดใหญ่ -มีกรดอะมิโนสำคัญอยู่หลายชนิด หากทานประจำจะช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ลดการติดเชื้อต่าง ๆ-ช่วยลดความดันโลหิต -ทางแพทย์แผนโบราณจัดให้เห็ดฟางเป็นเภสัชวัตถุที่มีรสหวานเย็น จึงช่วยบำรุงร่างกาย ช่วยย่อยอาหาร บำรุงโลหิต บำรุงกำลัง บำรุงตับ แก้ร้อนใน แก้ช้ำใน – เห็ดฟาง 100 กรัม ให้พลังงาน 35 กิโลแคลอรี และมีไขมันเพียง 0.2 กรัม จัดเป็นอาหารไขมันต่ำ แคลอรีน้อย และไม่มีคอเลสเตอรอล

4. เห็ดหูหนูขาว มีคุณประโยชน์คล้าย ๆ กับ “เห็ดหูหนูดำ” แต่การออกฤทธิ์ของเห็ดหูหนูขาวจะออกฤทธิ์ที่ปอดและกระเพาะอาหาร ส่วนเห็ดหูหนูดำจะออกฤทธิ์ที่ไตและตับ อย่างไรก็ตาม จัดเป็นสุดยอดของเห็ดเช่นเดียวกัน -ช่วยบำรุงปอด หยุดอาการไอที่เกิดจากปอดแห้ง ไอมีเสมหะปนเลือด -บำบัดอาการอ่อนเพลีย -แก้ไอ เสมหะมีเลือดปน อาการร้อนใน -ชะลอความเสื่อมของเซลล์ เสริมภูมิคุ้มกัน -ลดอาการหลอดเลือดหัวใจขาด/ตีบ -มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง ลดอาการแทรกซ้อน ภายหลังการฉายแสงรักษาโรคมะเร็ง -มีฤทธิ์สงบประสาท ช่วยให้นอนหลับ

5. เห็ดหูหนูดำ รสสัมผัสกรุบ ๆ กรอบ ๆ จากดอกเห็ดที่มีลักษณะคล้ายแผ่นวุ้น ทำให้หลายคนชอบทาน และยังพกประโยชน์มาอีกเพียบ -มีคุณสมบัติที่เย็นกว่าเห็ดหูหนูขาว จึงช่วยรักษาโรคร้อนใน แก้เจ็บคอ หยุดเลือดออก เช่น ปัสสาวะเป็นเลือด ประจำเดือนมากผิดปกติ ริดสีดวงทวาร โรคบิด (เนื่องจากเลือดร้อน) -นำไปต้มกับน้ำตาลจิบเป็นชาแก้ไอได้ -เป็นยาบำรุงเลือดและพลัง รักษาโรคโลหิตจาง -แก้อาการท้องเสีย โรคริดสีดวงทวาร -ช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร – มีสารอะดีโนซีน ช่วยลดความข้นเหนียวของเลือด จึงลดความเสี่ยงภาวะเส้นเลือดอุดตันหลอดเลือดสมองและหัวใจ

6. เห็ดภู่มาลา(เห็ดหัวลิง) -เพิ่มความสามารถภูมิคุ้มกัน -ยับยั้งเซลล์มะเร็ง -รักษาโรคแผลเรื้อรัง และอักเสบในกระเพาะ ในลำไส้ส่วนต้น -รักษามะเร็งในกระเพาะและในหลอดอาหาร น้ำต้มสกัดการย่อยอาหารดีขึ้น -เห็ดหัวลิงแห้งบำบัดอาการอ่อนเพลีย อ่อนล้าที่เกิดจากการวิตกกังวล -สาร erinaines E.F และ G กระตุ้นส่วนประกอบของการเติบโตของเซลล์ประสาท

7. เห็ดเข็มเงินเข็มทอง -ถ้ากินเป็นประจำจะทำให้ตับ แข็งแรง -ช่วยรักษากระเพาะและลำไส้อักเสบเรื้อรัง -เห็ดเข็มทองมีสาร สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง -มีคุณสมบัติในการกระตุ้น ระบบภูมิคุ้มกันของสิ่งมีชีวิต

8. เห็ดเผาะหรือเห็ดถอบ นิยมกัน คือ แกงเผ็ด เวลาเคี้ยวแล้วให้ความรู้สึกกรอบ มัน เพราะเห็ดเผาะกรอบ ข้างในกลวง เวลาเคี้ยวแล้วดังเผาะทุกๆครั้ง นิยมกินเห็ดระยะที่อ่อนอยู่ โดยนำไปแกงคั่ว และผัด หรือกินสดเป็นผักจิ้มน้ำพริก -รักษาบาดแผล -ทำให้กระชุ่มกระชวย บำรุงร่างกาย ชูกำลัง -แก้ช้ำใน

9. เห็ดขอนขาวหรือเห็ดมะม่วง -เป็นยาบำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง -แก้ไขพิษ -ช่วยระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น -สำหรับเห็ดกระด้างสดหรือแบบแห้ง สามารถนำมาต้มกับน้ำจนเดือดให้ผู้ที่มีร่างกายอ่อนเพลียจากการทำงานหรือไม่แข็งแรงเนื่องจากเพิ่งฟื้นจากไข้ -สมรรถภาพทางเพศไม่ค่อยจะดี รับประทานทั้งน้ำและเนื้อเห็ดเป็นประจำจะทำให้ร่างกายแข็งแรง -จากงานวิจัย พบว่า “แคปซูล” จากสารสกัดเห็ดกระด้าง สามารถลดไขมันในเลือดของผู้ป่วยเบาหวาน และผู้ติดเชื้อ HIV ได้ผลดี จะทำให้ผู้ป่วยมีอายุยืนยาวต่อไปได้อีก สำหรับราคาของเห็ดกระด้างค่อนข้างสูงกว่าเห็ดพื้นเมืองชนิดอื่นๆ จึงได้รับการพัฒนาเพื่อการเพาะปลูกขาย

10. เห็ดหลินจือ -รักษา 3 ระบบหลัก ทางเดินอาหาร (โรคกระเพาะ โรคแผลในลำไส้ ท้องผูก อาหารไม่ย่อ ริดสีดวง) หายใจ (บรรเทาอาการ ไอ ลดเสมหะ ปอดอักเสบ ภูมิแพ้) ไหลเวียนโลหิต (โรคความดันโลหิตสูงและต่ำ เบาหวาน เส้นโลหิตตึงตัว อาการปวดหัวข้างเดียว ระดูไม่ปกติ ลดคลอเลสเตอรอลในเลือด) -เพิ่มภูมิคุ้มกัน -บรรเทาอาการไขข้อต่าง ๆ -ต่อต้านมะเร็งและยืดชีวิตผู้ป่วยเอดส์ลักษณะเห็ดโคน

11. เห็ดโคนหรือเห็ดปลวก -ช่วยเจริญอาหาร บำรุงกำลัง -แก้บิด แก้คลื่นไส้ อาเจียน แก้ไอ ละลายเสมหะ -การทดลองทางเภสัชศาสตร์พบว่าน้ำที่สกัดจากเห็ดโคนสามารถยับยั้งเชื้อโรคบาง ชนิด เช่น เชื้อไทฟอยด์

12.เห็ดกระด้าง -ยับยั้งการเติบโตเซลล์มะเร็ง -กรด eburicoic ที่สามารถใช้สังเคราะห์สารประกอบเสตรียลอยด์ ที่มีบทบาทในการควบคุมร่างกายคนเรา -บำรุงกำลัง และกาย

*ข้อควรระวัง : ทั้งเห็ดหูหนูขาวและเห็ดหูหนูดำ มีลักษณะทำให้เกิดความชุ่มชื้น ความเย็น ดังนั้นแพทย์แผนจีนจึงแนะนำว่า คนที่ระบบการย่อยอาหาร หรือมีภาวะของร่างกายค่อนไปทางเย็นมาก ๆ ต้องทานอาหารหรือสมุนไพรที่มีคุณสมบัติร้อนประกอบด้วย และไม่ควรกินมากในช่วงกลางคืน ซึ่งเป็นช่วงที่หยางร่างกายอ่อนลง และมีภาวะยินของธรรมชาติมาก

จะเห็นได้ว่าเห็ดที่นำเสนอไป เป็นเห็ดที่หลายๆ คนรู้จักกันเป็นอย่างดี หาซื้อได้ตามห้าง หรือตลาดสดกันได้ มีแค่บางชนิดเท่านั้นที่ไม่ค่อยได้เห็นกัน เพราะอาจจะหายาก หรือราคาแพงนั้นเอง บางชนิดก็ต้องรอให้ถึงฤดูกาลก่อน แต่อย่างไรก็ดีเราก็ไดรู้แล้วว่าการทานเห็ดนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร และยังสามรถช่วยยับยั้งการเกิดโรคต่าง ๆ ได้อีกด้วย ทานเห็ดได้ทั้งความอร่อยและช่วยในเรื่องสุขภาพได้นะคะ

ขอบคุณ kaijeaw.com

Facebook Comments Box