วิธีการปลูก มะขามป้อม

มะขามป้อม (Indian gooseberry) เป็นจัดเป็นผลไม้ป่าที่นิยมนำผลมารับประทานทั้งในรูปผลสดหรือแปรรูปเป็นผลไม้ดอง ผลไม้แช่อิ่ม เนื่องจาก ผลมีสารสำคัญหลายชนิดที่ออกฤทธิ์ทางยาในการรักษาโรค รวมถึงมีคุณสมบัติใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง เพื่อลดริ้วรอย ลดรอยฝ้า และจุดด่างดำได้

การแพร่กระจาย มะขามป้อม เป็นพืชท้องถิ่นไทย มีถิ่นกำเนิดในเอเชีย พบมากในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศอินเดีย โดยพบขึ้นมากตามป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง และป่าดิบเขาในทุกภาค โดยเฉพาะภาคเหนือ และอีสาน

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ลำต้น มะขามป้อมเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง และเป็นไม้ชนิดผลัดใบ ลำต้นสูงประมาณ 8 – 18 เมตร ลำต้นแตกกิ่งน้อยทำให้มีทรงพุ่มค่อนข้างโปร่ง มีลำต้น และกิ่งพุ่งตรง สูงชะลูด ลำต้นมีเปลือกสีน้ำตาลอมเทาเล็กน้อย ผิวลำต้นค่อนข้างเรียบ และสามารถลอกออกเป็นแผ่นได้ ส่วนเนื้อไม้ค่อนข้างเหนียว เนื้อไม้มีสีแดงอมน้ำตาล

ใบ ใบมะขามป้อม เป็นใบประกอบแบบใบคู่ คือ ใบสุดท้ายเป็นใบคู่ คล้ายกับใบมะขาม แต่ใบมะขามป้อมมีจำนวนใบย่อยมากกว่า และใบย่อยเรียวยาวกว่า โดยใบมะขามป้อมจะแทงออกตามกิ่งเป็นคู่ๆ ตรงข้ามกัน ใบมีก้านใบหลัก ยาว 10-20 เซนติเมตร และมีใบย่อยเรียงตรงข้ามกันเป็นคู่ จำนวน 20-30 คู่ ยอดอ่อนมีสีแดงอ่อน เมื่อแก่มีสีเขียวสด

ใบย่อยแต่ละใบมีลักษณะเรียวรี ขนาดกว้างประมาณ 3-4 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 15-20 มิลลิเมตร แผ่นใบ และขอบใบเรียบ ปลายใบมน ใบมีสีเขียวสด โดยใบมะขามป้อมจะเริ่มร่วงตั้งแต่เดือนธันวาคม และจะผลิยอดอ่อนใหม่ในช่วงเดือนมีนาคม

ดอก ดอกมะขามป้อมแทงออกเป็นดอกเดี่ยว ออกเป็นกระจุกตามก้านใบหรือซอกใบ 3 – 10 ดอก ดอกมีขนาดเล็ก มีสีขาวอมเหลือง เป็นดอกเพศผู้ และเพศเมียแยกดอกกัน แต่อยู่บนต้นเดียวกัน และแต่ละต้นจะมีดอกเพศผู้มากกว่าดอกเพศเมีย จึงพบว่าแม้จะมีดอกมากแต่บางครั้งอาจไม่ติดผลมาก ดอกทั้งสองเพศมีกลีบรองดอก 6 กลีบ โดยดอกเพศผู้มีฐานรองดอกเป็น 6 แฉก และมีเกสร 3 อัน ส่วนดอกเพศเมีย มีฐานรองดอกเป็นรูปถ้วย และมีรังไข่ 3 ช่อง

ผล และเมล็ด ผลมะขามป้อมมีลักษณะทรงกลมหรือกลมแบนเล็กน้อย มีสีเขียวอ่อนเมื่อยังอ่อน และเมื่อสุกมากจะมีสีสีเขียวอมเหลือง ขนาดผลประมาณ 2-3 เซนติเมตร มีเปลือกผล และเนื้อผลเป็นส่วนเดียวกัน โดยมีเนื้อผลหนา 5-7 มิลลิเมตร สีขาวอมเหลือง และมีเส้นใยเล็กน้อยที่แทงออกมาจากเมล็ด เนื้อหุ้มเมล็ดส่วนนี้ เป็นส่วนที่ใช้รับประทาน มีลักษณะแข็งกรอบ และฉ่ำน้ำ เ นื้อให้รสเปรี้ยวอมฝาดเล็กน้อย

ถัดมาในสุด เป็นเมล็ดที่ลักษณะคล้ายรูปหยดน้ำ มีฐานเมล็ดใหญ่ และค่อยเรียวในส่วนปลาย ขนาดกว้างประมาณ 3-4 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 5-7 มิลลิเมตร เปลือกเมล็ดมีสีเขียวเข้ม มีเนื้อแข็ง และหนามาก แบ่งเป็น 2 ชั้น แบ่งมี 3 พู แต่ละพูมี 2 เมล็ด รวมหนึ่งผลแล้วมี 6 เมล็ด

การปลูกมะขามป้อม การปลูกมะขามป้อมในปัจจุบัน สามารถปลูกได้ด้วยเมล็ด แต่ด้วยความสะดวกจึงนิยมซื้อต้นพันธุ์จากการตอนกิ่ง และการต่อยอดมาปลูกเป็นหลัก และต้นพันธุ์ชนิดนี้ยังสามารถออกผลได้ทันทีหรือเพียงไม่กี่ปีก็ให้ผลได้ ไม่เหมือนกับต้นพันธุ์ที่ปลูกด้วยเมล็ดที่ต้องใช้เวลานาน 3-5 ปีกว่าจะให้ผลได้

การเตรียมแปลง สำหรับการปลูกตามสวนหลังบ้านหรือหัวไร่ปลายนาที่ปลูกเพียงไม่กี่ต้น สามารถนำต้นลงปลูกได้เลยโดยไม่ต้องเตรียมดินแต่อย่างใด สำหรับระยะห่างระหว่างต้นควรปลูกที่ระยะ 4 x 4 เมตร สำหรับต้นพันธุ์ตอนกิ่ง และระยะ 6-8 x 6-8 เมตร สำหรับต้นกล้าเพาะเมล็ด โดยขุดหลุมกว้าง และลึกประมาณ 30 เซนติเมตร

ส่วนการปลูกในแปลงจำนวนมากเพื่อการค้า ควรเตรียมแปลงด้วยการไถ และกำจัดวัชพืชให้ตายหมดเสียก่อน ส่วนระยะหลุมที่ขุดจะใช้ในระยะที่กล่าวข้างต้น

การปลูก การปลูกนั้น ให้ปลูกในช่วงเดือนพฤษภาคมที่หน้าดินชุ่มจากฝน โดยก่อนปลูกให้โรยด้วยปุ๋ยคอกประมาณ 3-5 กำมือ และอาจใส่ปุ๋ยเคมีร่วมด้วยก็ได้ พร้อมเกลี่ยดินคลุกผสมให้เข้ากัน ก่อนนำต้นพันธุ์ลงปลูก และกลบดินให้แน่น

การดูแลมะขามป้อม สำหรับการปลูกเพื่อรับประทานเองเพียงไม่กี่ต้น มักไม่ค่อยพิถีพิถันในการดูแล เพียงปลูกให้ตรงในช่วงฤดูฝน และปล่อยให้โตตามธรรมชาติ แต่ควรถากกำจัดหญ้าให้เป็นระยะ

ส่วนการปลูกเพื่อการค้านั้น หลังจาการปลูกแล้ว หากไม่มีฝนตก ให้รดน้ำเป็นระยะจนกว่าต้นพันธุ์จะตั้งต้นได้ และเมื่อถึงช่วงแล้งจะให้น้ำเป็นระยะ 3-5 ครั้ง/เดือน ด้วยระบบน้ำหยดหรือตักน้ำรด
การใส่ปุ๋ย ให้ใส่ปุ๋ยคอกอัตรา 3 กำมือ/ต้น ทุกๆ 4 เดือน ร่วมกับปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 สำหรับระยะ 1-2 ปี ที่ยังไม่ติดผล ในความถี่ 2-3 ครั้ง/ปี แต่หากช่วงออกดอกให้เปลี่ยนเป็นสูตร 12-12-24 แทน

การกำจัดวัชพืช ให้ใช้ระบบการไถพรวนดิน ร่วมกับการใช้จอบถาก ใน 1-2 ปีแรก หลังจากนั้น จึงใช้จอบถากเป็นระยะ

ผลผลิต มะขามป้อมที่ปลูกจากต้นตอนกิ่งจะติดผลได้หลังปลูกประมาณ 1 ปี หรือไม่ถึงปี แต่ในปีแรกนั้น ควรเด็ดดอกทิ้งก่อน ในปีที่ 2-3 จึงปล่อยให้ติดผล ส่วนการปลูกด้วยต้นพันธุ์จากการเพาะเมล็ดจะใช้เวลานานกว่าที่ 3-5 ปี หลังการปลูก สำหรับช่วงที่ให้ผลผลิตได้ จะอยู่ในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม

Facebook Comments Box